Monday, January 21, 2013

หน้า 17-21 ของหนังสือ 365 หน้า : นักเดินทาง (สะพายเป้)


ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมต้องเดินทางไปมาระหว่าง กรุงเทพฯ แม่ฮ่องสอน เพราะมีนัดสัมภาษณ์งานกับบริษัททัวร์แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ

ชีวิตในออฟฟิต

เมื่อมามองดูชีวิตการทำงานในออฟฟิต ผมรู้สึกว่ามันมีเสน่ห์อยู่ไม่น้อย ผมยังคิดถึงเพื่อนๆ ที่บริษัทเก่า ยังคิดถึงชีวิตที่รีบเร่งในเมืองหลวง และคิดว่าถ้าเราสามารถหารายได้เพิ่มอีกหนึ่งช่องทางก็จะทำให้เรามีเงินไปเที่ยวโลกกว้างมากยิ่งขึ้น และที่เมืองเล็กๆ อย่างแม่ฮ่องสอนก็ทำให้ผมรู้สึกเหงาเกินไป เหงาจนจะกัดกินก้อนเนื้อของตัวเองได้แล้ว....จึงคิดว่าเราน่าจะออกไปหาประสบการณ์ทำงานเพิ่มอีกเล็กน้อย ไปหา Connection และความรู้อีกหน่อย ส่วนงานทางนี้ก็คงให้พี่ชายกับแฟนดูแลไปก่อน ส่วนผมก็คงจะเป็น Back Up ทำงาน Marketing และติดต่อหา Agency ในการดึงแขกเข้าพักที่เกสท์เฮ้าส์ และหวังว่างานทัวร์ในกรุงเทพฯ จะทำให้ผมได้ความรู้และประสบการณ์มากขึ้น...

โฆษณากับรถทัวร์

แทบไม่น่าเชื่อว่าเดี๋ยวนี้โฆษณาจะมีบทบาทต่อการใช้ชีวิตของเราทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าจะหน้าจอทีวี ป้ายโฆษณา แผ่นปลิว สปอร์ตวิทยุ และโฆษณาในรถทัวร์ จากการนั่งรถทัวร์ของบริษัทหนึ่งที่ผ่านก็พบว่าเดี๋ยวนี้เค้าเปิดรายการของตัวเองให้กับผู้โดยสารและมีโฆษณาระหว่างรายการด้วย (เหมือนกำลังดูทีวีเลย) แต่ก่อนเราจะคุ้นชินกับการนั่งดูหนัง รายการตลก หรือเพลงซึ้งๆ แต่เดี๋ยวนี้เค้าจับสามสี่อย่างนี้มารวมเป็นรายการของเขาเองแล้วมีโฆษณาแทรกเข้าไปเป็นอีกหนึ่งช่องทางของการหารายได้ของบริษัททัวร์...ส่วนผู้โดยสารอย่างเราก็ต้องกล้ำกลืนฝืนยอม....

แดนดิน

21 มกราคม 2556

ณ เมืองสามหมอก แม่ฮ่องสอน

Wednesday, January 16, 2013

หน้า 15-16 ของหนังสือ 365 หน้า : ปายดินแดนอาร์ตๆ กับคนหนุ่มสาวจากทั่วโลก


ปาย...สำหรับใครหลายคนที่เีคยมาเที่ยวแล้วต่างก็มีทั้งประทับใจและไม่ประทับใจ บางคนก็บอกว่า ปายคือดินแดนแห่งความฝัน โรแมนติกไม่แพ้ที่ไหนในประเทศไทย แต่บางคนก็บอกว่า ปายหมดเสน่ห์ของความเป็นพื้นเมืองไปเสียแล้ว จะยังไงก็แล้วแต่ ปายสำหรับผมก็ยังสวยงามและเหมาะกับการค้นหาแรงบันดาลใจและไอเดียใหม่ๆ อยู่เสมอ ปาย...มีอะไรให้น่าค้นหา เราลองมาดูกัน

ปายคือดินแดนอาร์ตตัวแม่



ผมมีโอกาสเดินทางไปเมืองท่องเที่ยวในประเทศไทยก็หลายที่แต่ยังไม่พบว่ามีเมืองไหนที่จะรวมเอาเหล่าศิลปินหรือพวกอาร์ตติสท์ทั้งหลายแหล่ไว้ได้มากเท่าที่อำเภอปาย ทุกหนทุกแห่งในอำเภอปายเต็มไปด้วยงานศิลปะและไอเดียกิ๊บเก๋อเนก้า จนใครต่อใครที่ได้มาสัมผัสจะพบกับความประทับใจไม่มากก็น้อย ผมลองเดินสำรวจไปทั่วถนนคนเดินในเช้าวันนี้พบว่าทุกร้านที่อยู่สองข้างถนนจะต้องมีหนึ่งผลงานศิลปะที่น่าประทับใจจนผู้มาเยือนต้องถ่ายรูปเก็บไว้และบางร้านก็ทำให้ใีครหลายคนยืนมองด้วยความทึ่งที่เจ้าของผลงานสามารถคิดสร้างสรรค์ออกมาได้อย่างน่าสนใจ นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ผมชอบมาเที่ยวเมืองนี้เมื่อต้องการไอเดียใหม่ๆ เอาไปตกแต่งที่ร้านอาหารกับเกสท์เฮ้าส์

ปายคือดินแดนแห่งแรงบันดาลใจ



คุณเชื่อหรือไม่ว่าตอนนี้ค่อนหนึ่่งของคนที่อาศัยอยู่ที่อำเภอปายคือเหล่าศิลปินที่ทำงานอยู่ในแวดวงศิลปะ โฆษณา หนังสือ และการท่องเที่ยว พวกนี้เป็นคนหนุ่มสาว มีหัวใจอิสระ คิดนอกกรอบและเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรง ผมเห็นบางคนเดินทางมาจากภาคใต้ของประเทศ บางคนเป็นฝรั่งมาจากยุโรปและบางคนก็เป็นคนมีชื่อเสียงอยู่ในสังคมไทย เวลาที่คุณได้มาเยือนปาย ลองเดินเข้าไปพูดคุยกับพวกเขาเหล่านี้ดูคุณจะได้แรงบันดาลใจอย่างท่วมท้น และที่ปายนี่เองที่ทำให้ผมได้สูดอากาศดีๆ ในยามเช้าริมฝั่นแม่น้ำปาย ได้สัมผัสละไอหมอกในร้านกาแฟที่ตกแต่งได้อย่างประทับใจและได้พบปะพูดคุยกับนักเดินทางที่ทุกคนล้วนเป็นเพื่อนที่ดีเสมอถ้าคุณกล้าที่จะเข้าไปพูดคุยกับเขา...

ปายคือดินแดนแห่งรัก



คุณเชื่อหรือไม่ว่ามีชายไทยไม่ต่ำกว่าห้าคน (จากการคะเนด้วยสายตาเมื่อลองเดินสำรวจถนนคนเดินที่ปายดู) มีแฟนเป็นคนต่างชาติ ทั้งฝรั่งผมทองและสาวเอเชียหน้าตาจิ้มลิ้ม คนหนุ่มสาวที่เดินทางมายังอำเภอปายล้วนเป็นนักเดินทางที่แสวงหาตัวตนของตัวเอง บางคนทำงานในบริษัทใหญ่โตอยู่ในเมืองใหญ่ ชีวิตมีแต่งานจนขาดความอิสระ และนั่นก็เป็นแรงกระตุ้นให้พวกเขาเหล่านั้นออกเดินทางไปยังดินแดนที่ใฝ่หา หลายคนมาพบรักที่เมืองปายแห่งนี้ และใช้ชีวิตเรียบง่ายไปกับสิ่งที่ตัวเองชอบ ผมว่าสักครั้งหนึ่งในชีวิตก่อนที่คุณจะแต่งงานมีครอบครัวไป คุณน่าจะลองออกเดินทางไปยังทีี่ไหนสักที่ที่ใจเรียกหาแล้วคุณจะค้นพบบางสิ่งบางอย่างที่ไม่สามารถพบได้ในเวลาที่ยุ่งเหยิงอยู่กับงานประจำวัน



ปายเป็นเมืองเล็กๆ ที่ไม่ว่าในสายตาของใครจะมองอย่างไรแต่สำหรับผมแล้วปายคือดินแดนที่สวยงามและเหมาะกับการค้นหาแรงบันดาลใจและไอเดียใหม่ๆ อยู่เสมอ

แดนดิน

16 มกราคม 2556

ณ เมืองสามหมอก...แม่ฮ่องสอน

Monday, January 14, 2013

หน้า 12-14 ของหนังสือ 365 หน้า: ตอน กรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมร 2


สัปดาห์นี้มีธุระต้องลงมากรุงเทพฯ เพื่อยื่นขอวีซ่าไปประเทศพม่าหรือเมียนม่าร์พร้อมกับเข้าไปพูดคุยเรื่องงานกับบริษัททัวร์แห่งหนึ่งแถวราชเทวี....

ยุคทองของเมียนม่าร์

ตั้งแต่รัฐบาลทหารพม่าปล่อยตัวนางอองซาน ซูจี วีรสตรีประชาธิปไตยของประชาชนชาวพม่า และรัฐบาลเองก็ปฏิรูปการปกครองในหลายๆ ด้านซึ่งมีความอิสระเสรีมากยิ่งขึ้นและนั่นก็นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของประเทศพม่าอย่างสิ้นเชิง พม่าเวลานี้ก็เหมือนหญิงสาวแรกรุ่นที่กำลังเนื้อหอมจนใครต่อใครต่างก็อยากไปเยี่ยมเยือนพม่าสักครั้งก่อนที่ประเทศนี้จะเปลี่ยนไปและบางคนก็เข้าไปหาช่องทางทำธุรกิจ

ผมเองมีความสนใจในประเทศพม่ามานานมากแล้วและด้วยหน้าที่การงานที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เลยคุยกับทางบ้านว่าจะไปเที่ยวพม่าสักหนึ่งอาทิตย์เพื่อหาช่องทางการทำทัวร์และไปเที่ยวพักผ่อนในตัว ประเทศพม่าเป็นประเทศเดียวในอาเซี่ยนที่คนไทยต้องขอวีซ่าเข้าประเทศ และในวันที่ผมไปขอวีซ่านั้นก็มีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติต่างยืนต่อคิวยาวเหยียดอยู่ทางเข้าสถานทูตตรงถนนปั้น สีลม และในวันที่ไปรับวีซ่าในวันนี้ผู้คนก็ยังหนานแน่นเหมือนเดิม....พม่าช่างเนื้อหอมจริงๆ



ชิลเอ้าท์ ณ ถนนข้าวสาร

ช่วงหลังๆ มานี้ เวลาที่ลงมาทำธุระที่กรุงเทพฯ สถานที่จะไปชิลๆ กับเพื่อนฝูงจะอยู่ที่ถนนข้าวสาร และที่เอเชียทิค นานๆ ครั้งได้เจอเพื่อนฝูงก็ขอเต็มที่สักหน่อย เอ้า....ชน....

ก๋วยเตี๋ยวเนื้อรสเด็ดย่านประตูน้ำ

ร้านอาหารโปรดที่มักจะแวะไปกินทุกครั้งเวลาที่ลงมาทำธุระที่กรุงเทพฯ ก็คือร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อรสเด็ดย่านประตูน้ำโดยเฉพาะเกาเหลาในน้ำซุปรสเข้มข้นที่เวลาทานกับข้าวในถ้วยใบเล็ก จะให้รสชาตกลมกล่อมอร่อยจนต้องสั่งเพิ่ม....

พรุ่งนี้ (15 มกราคม 2556) ก็ต้องเดินทางกลับบ้านแล้ว ได้ข่าวว่าอากาศทางภาคเหนือตอนนี้หนาวเย็นบาดเยือกจริงๆ

แดนดิน

14 มกราคม 2556

ณ ย่านประตูน้ำ กรุงเทพฯ

Friday, January 11, 2013

หน้า 9-11 ของหนังสือ 365 หน้า : ตอน - กรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมร


อาทิตย์นี้มีความจำเป็นต้องลงมาทำธุระที่กรุงเทพฯ เพราะต้องไปยื่นขอวีซ่าไปพม่าและเข้าไปคุยกับบริษัททัวร์แห่งหนึ่งแถวราชเทวี

ทุกครั้งที่เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เงาแห่งความทรงจำก็จะตามมาด้วยเสียทุกครั้ง เวลาผ่านสถานที่ต่างๆ ที่เคยผูกพันครั้นวันวานก็ทำให้รู้สึกใจหายอยู่เสมอ

กรุงเทพฯ กับความทรงจำ

เราไม่รู้หรอกว่าอดีตที่ผ่านเราไปและทิ้งร่องรอยแห่งความทรงจำไว้กับเราจะเป็นเงาติดตามตัวเราได้นานแค่ไหน เช้าวันแรกที่สัมผัสกรุงเทพฯ ณ ถานีขนส่งหมอชิต ภาพแรกในอดีตเมื่อเกือบสองปีที่แล้วก็แวบเ้ข้ามาในห้วงความทรงจำของฉันทันที....คุณเคยหลงรักผู้หญิงคนหนึ่งอย่างหัวปักหัวปำไหม และเวลาที่คุณเข้าขั้นบ้าได้ถึงเพียงนั้น คุณจะทุ่มเททำอะไรบางอย่างโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ฉันยังจำได้ดีในครั้งหนึ่งที่ยอมทุ่มเทไปหาเด็กสาวคนหนึ่งที่กำลังเรียนอยู่ที่วิทยาลัยแห่งหนึ่งกลางหุบเขาแห่งเมืองกะหรี่ปั๊บทุกอาทิตย์และกลับเ้ข้ากรุงเทพฯ โดยรถทัีวร์สายโคราชในเวลาเกือบสองทุ่ม กว่าจะเดินทางมาถึงหมอชิตก็ปาเข้าไปสี่ทุ่มแล้ว ฉันยังจำได้ดีถึงเวลานั้นที่สะพายเป้รีบวิ่งขึ้นแท็กซี่หรือไม่ก็รถเมล์เพื่อเดินทางกลับที่พักแล้วก็รีบอาบน้ำเตรียมบทเรียนที่จะไปสอนเด็กๆ ในวันรุ่งขึ้น (ตอนนั้นฉันยังเป็นครูสอนภาษาอังกฤษอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งย่านเอกมัย) ฉันตื่นแต่เช้าก่อนหกโมงเพื่อรีบเดินทางไปทำงาน ถึงจะเหน็ดเหนื่อยเพียงไหนฉันก็ไม่เคยบ่นเอากับใคร แต่สุดท้ายสิ่งที่ฉันได้รับกลับเป็นความเสียใจที่ยังเป็นเงาติดตามตัวฉันจนถึงทุกวันนี้ และเมื่อวันก่อนฉันก็เพิ่งรับรุ้ความจริงข้อหนึ่งว่าเด็กสาวคนนั้นเธอก็ยังใช้มุขเดิมๆ กับเด็กหนุ่มอีกคน...ฉันได้แต่หัวเราะให้กับตัวเองที่เมื่อย้อนมองดูเวลาที่ฉันยอมทุ่มเทให้กับเธอคนนั้นมันช่างไร้ค่าเสียสิ้นดี

กรุงเทพฯ กับความทรงจำที่ฉันได้สัมผัสอีกครั้งคือวันศุกร์ตอนบ่ายของวันนี้ เมื่อมีธุระต้องผ่านไปแถวสีลม ย่านที่ฉันเคยทำงานให้กับบริษัทไอทีแห่งหนึ่ง ฉันยังจำได้ดีถึงบรรยากาศการทำงานแบบเพื่อนที่ยังคงอยู่ในใจฉันไม่จางหายและเมื่อทราบข่าวว่าบริษัทแห่งนั้นได้ย้ายสำนักงานไปที่อื่นแล้วก็ทำให้รู้สึกใจหายไม่น้อย ฉันยังจำได้ที่เจ้าของบริษัทฯ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเพื่อนฉันมากกว่าชอบพาฉันและเพื่อนอีกคนไปคุยเรื่องงานที่ร้าน Starbucks ในตอนบ่ายๆ ของวันอยู่เสมอ...สีลมก็ยังคงพลุ่กพล่านสมเป็นย่านธุรกิจไม่เปลี่ยนแปลง

กรุงเทพฯ กับหญิงสาว

ผู้หญิงในกรุงเทพฯ ก็มีเสน่ห์ไม่แพ้หญิงสาวทางภาคเหนือ แต่ดูมีความมาดมั่นหยิบโหย่งมากกว่า เวลาที่คุณผ่านเข้าไปในย่านออฟฟิตในเวลาเที่ยงแล้วเห็นหญิงสาววัยทำงานเดินไปทานข้าวหรือเวลาที่นั่งรถไฟฟ้าแล้วมีหญิงสาวกลุ่มนั้นอยู่ใกล้ๆ ผมว่าถ้าคุณเป็นชายแท้คงต้องมีแอบมองไม่มากก็น้อย แล้วคุณเธอก็ดูเหมือนจะรับรู้ถึงสายตาของผู้แอบมองไ้ด้อย่างดี สำหรับฉันแล้วเวลาที่เธอมองกลับมาฉันเป็นต้องแอบหยิบแว่นดำขึ้นสวมใส่ปิดบังอำพรางความบ้าทันที....

กรุงเทพฯ กับรถติด

ไม่ว่าจะอีกกี่ปีกี่่ชาติ กรุงเทพฯ ก็ยังขึ้นชื่อเรื่องรถติดและคงจะไม่มีอัศวินขี่ม้าขาวคนไหนมาแก้ปัญหานี้ได้แล้ว......