Friday, November 23, 2012

บันทึกห้วงอารมณ์แห่งความคิดถึง (ตอนที่ 1)


   ในเย็นหนึ่งของวันวาน เราขับมอเตอร์ไซด์มุ่งหน้าสู่ทะเลสาบแห่งเทพนิยายอันลือชื่อของเมืองท่องเที่ยวแห่งนี้ เราขับผ่านเนินเขาและท้องทุ่งท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น หญิงสาวกับเป้ใบเขื่องและมอเตอร์ไซด์ที่วิ่งตามหลังอยู่นั้นทำให้ผมอดเผยยิ้มบางๆ ผ่านกระจกหน้ารถเสียมิได้ เราสองพบกันเมื่อเย็นวันก่อน เมื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวการท่องเที่ยวระหว่างกันอย่างถูกคอ ผมจึงพาเธอตะบึงมอเตอร์ไซด์คนละคันมุ่งหน้าสู่ทะเลสาบแห่งความฝันตามที่เธอปรารถนา

   เรามาถึงทะเลสาบเมื่อตะวันใกล้ลับเหลี่ยมภูผา ภายหลังหาเต๊นท์เช่าได้แล้วต่างก็พากันไปถ่ายรูปในหมู่บ้าน หญิงสาวผมยาวตาเล็กหยิบหยีคนนั้นเพลิดเพลินไปกับการถ่ายรูป ร้านขายโปสการ์ดตั้งเรียงรายอยู่สองข้างทางเดิน เราแวะทานก๋วยเตี๋ยวในร้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง เจ้าของร้านเอาชามาเสิร์ฟให้เราก่อนทานอาหารจานเด็ดของมื้อนั้น...

   ตะวันลับฟ้าไปแล้ว ความมืดเริ่มคลี่ตัวโอบล้อมบริเวณโดยรอบ ณ ที่แห่งนี้ไฟยังเข้าไม่ถึง ชาวบ้านจึงใช้เครื่องปั่นไฟแทนซึ่งจะปิดราวสี่ทุ่ม เราสองคนเดินผ่านความมืดของเส้นถนนเล็กๆ ที่ทอดตัวจากหมู่บ้านไปยังลานกางเต๊นท์ของอุทยาน คืนนั้นอากาศหนาวเย็นบาดเยือก นักท่องเที่ยวยังไม่มาก เรานั่งดูดาวและพูดคุยกันอย่างเต็มอิ่ม หลายเดือนที่ผ่านมานั้น ผมวุ่นวายอยู่กับหลายสิ่งหลายอย่างที่ถาโถมเข้ามาอย่างบ้าคลั่งจนไม่สามารถหาเวลาที่จะออกค้นหาแรงบันดาลใจได้เลยแม้แต่น้อย แต่เย็นของวันหนึ่งที่สายฝนโปรยปรายลงมาอย่างหนักหน่วง เป็นฝนหลงฤดูในเดือนพฤศจิกายนผมกับได้พบกับนักเดินทางสาวชาวจีนจากกวางโจวคนนี้ และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางสู่การค้นหาแรงบันดาลใจอีกครั้ง

   ผมว่าเวลาที่เราโตมากขึ้น การที่เราจะเอ่ยบอกคำว่ารักหรือชอบกับใครสักคนมันเป็นที่เรื่องไม่ง่ายเหมือนตอนเป็นเด็กหนุ่มวัยขบเผาะ ผมสงสัยว่าเราจะมีความรู้สึกเช่นนี้กับใครสักกี่คนในชีวิตอันแสนสั้นของเรา ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมทุ่มรักให้กับเด็กสาวคนหนึ่งจนหมดเปลือกแต่ผลของความไว้ใจก็กลายเป็นความขมขื่นที่ผมต้องแบกรับเอาไว้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เด็กสาวคนนั้นก็เหมือนเด็กสาวในเมืองใหญ่ทั่วๆ ไป ที่หวั่นไหวไปตามอารมณ์และความรู้สึกของตัวเอง

   เราเข้านอนในเต๊นท์ของตัวเองก่อนน้ำค้างจะพร่างพรมลงมาอย่างหนัก อากาศเริ่มแผ่รังสีความหนาวเย็นมากขึ้น แต่นั่นก็ยังไม่สะทกสะท้านเท่ากลับรังสีและกลิ่นกายของหญิงสาวที่นอนอยู่ในอีกเต๊นท์ที่ห่างกันเพียงหนึ่งศอก.....

No comments: