Sunday, July 31, 2011

ทดลองงานเขียนแนว“เหมือนจริง หรือสัจจนิยม (Realism)" 1



รถไฟฟ้าวิ่งฉุยฉิวปลิวลมฝ่าม่านตึกสูงระฟ้าดูคล้ายเจ้างูยักษ์กำลัง เลื้อยเข้าสู่ใจกลางมหานคร ภายในขบวนรถไฟฟ้าอัดแน่นไปด้วยผู้โดยสารซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนุ่มสาวออฟฟิศใน ชุดเรียบร้อยและมีหูฟังเสียบคาสองหูไว้เพื่อกั้นโลกส่วนตัวของแต่ละคนออกจาก กัน มีเพียงภาพเคลื่อนไหวของอาคารสูงที่ถูกฉีกผ่านไปอย่างรวดเร็วและเสียงโฆษณา ผ่านจอแอลซีดีที่เล็ดผ่านเข้าหูอยู่เป็นระยะ เราต่างมิกล้าสบตากันและกันหรือปันรอยยิ้มผ่านใบหน้าที่คร่ำเคร่งแม้แต่น้อย ประหนึ่งว่าเรากริ่งกลัวกับมิตรภาพรอบตัว เราแสร้งหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านหรือแช็ตผ่านบีบีเป็นการแก้เขิน และเราก็ทำอย่างนั้นจนกลายเป็นความเคยชิน จนเราหลงลืมไปว่าตลอดเส้นทางที่เราย่ำผ่านไปนั้นล้วนเต็มไปด้วยมิตรภาพมาก มายแต่เราเลือกที่จะอยุ่กับเจ้าสมาร์ทโฟนแล้วหัวเราะคิกคักหรือยิ้มพรืดออก มาราวกับคนบ้าใบ้หรือย่ำเท้ากับพื้นพร้อมขยับปากยุบยิบไปกับเสียงที่ลอดผ่าน เจ้าลำโพงขนาดจิ๋วที่เสียบเต็มสองรูหูของเรา พอเราถึงจุดหมาย ต่างคนต่างก็รีบเร่งหายไปท่ามกลางฝูงชน....

นานแค่ไหนแล้วที่ ผมเฝ้ามองเธอยืนพิงติดกระจกประตูด้านในและถลำลึกสู่โลกส่วนต้ัวทุกเช้าวัน ทุกจันทร์ถึงศุกร์ราวเก้าโมงพอตะวันเริ่มเปล่งรัศมีแรงกล้า ผมจะเห็นเธอขึ้นรถไฟฟ้าที่สถานีเอกมัยแล้วเธอเลือกจะขึ้นตู้สุดท้าย ตรงประตูกระจกด้านในคือที่ประจำของเธอ ผมแอบมองเธอทุกเช้าจนแทบจำได้ทุกรายละเอียดนิ้วของเจ้าของหุ่นเพรียวบางคน นั้น เธอเป็นหญิงสาวหุ่นเล็กน่ารัก ผมยาวพองาม ผิวเนียนใสอมชมพู ใบหน้าแลดูสดใส ริมฝีปากหยักได้คู่มองแล้วทำให้เช้าวันใหม่ของการทำงานของผมเต็มไปด้วยความ สดใส เธอปลีกตัวเองออกจากโลกภายนอกโดยเจ้าหูฟังทีเสี่ยบคาสองข้างหูและหันหน้ามอง ลอดกระจกประตูปิด-เปิดของรถไฟฟ้าออกสู่กำแพงตึกที่ตระหง่านอยุ่ข้างสอง ทิวทัศน์ พอถึงสถานีสยามเราต่างรีบเร่งฝ่าผู้คนขึ้นสู่รถไฟอีกขบวนและเราก็แยกจากกัน ที่สถานีช่องนนทรีย์ เธอเดินไปทางฝั่งสาธรส่วนผมเดินย้อนกลับมาทางสีลม และเราก็ไม่ได้เจอกันอีกเลยตลอดวัน จวบจนถึงรุ่งอรุณวันใหม่และเป็นอย่างนี้เรื่อยมา จนคำว่ามิตรภาพเริ่มเจือจางลางเลือนไปจากความทรงจำของผม....

นายแดนดิน

02:00 น.

หมายเหตุ: นี่เป็นเพียงงานเขียนแนว “เหมือนจริง หรือสัจจนิยม (Realism)" เท่านั้น

26 กรกฏาคม 2554

No comments: