Sunday, February 24, 2013

บันทึกการเดินทางสู่ประเทศพม่า ตอนที่ 1: ก่อนเดินทางสู่พม่า



ก่อนเดินทางสู่พม่า

      พม่า...เพื่อนบ้านทางทิศตะวันตกกำลังโดดเด่นในเวทีโลก เมื่อกระบวนการสันติภาพภายในประเทศมีพัฒนาการไปในทิศทางที่ประชาคมโลกพึงพอใจมากขึ้น ชาติมหาอำนาจต่างก็อ้าแขนรับพม่า และเมื่อประเทศเริ่มฉายแสงแห่งเสรีภาพ ใครต่อใครก็อยากไปเยี่ยมหาเพราะประเทศพม่าอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติและคงไว้ซึ่งวัฒนธรรมอันเก่าแก่ที่ยังไม่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบแห่งสังคมทุนนิยม และนั่นก็เป็นโอกาสสำหรับนักลงทุน นักท่องเที่ยว และใครก็ตามที่อยากสัมผัสและค้นหาถึงโลกที่ยังไม่ถูกแต่งแต้มด้วยโลกาภิวัฒน์มากจนสูญเสียความเป็นธรรมชาติแห่งวิถิถิ่นไป พม่าคงเป็นประเทศในกลุ่มสุดท้ายของโลกใบนี้ที่กำลังเปลี่ยนถ่านสู่สังคมโลกยุคใหม่ ยุคที่มนุษย์เผ่านพันธ์โฮโม เซเปี้ยนส์ ดำรงชีวิตแทบเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว มีวัฒนธรรมการกิน การอยู่ และการคิดที่ไม่แตกต่างกันเลย...



     หลังจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดินทางกลับจากการเยือนพม่าซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 60 ปีที่ประเทศมหาอำนาจแห่งนี้ยอมส่งผู้นำมายังดินแดนแห่งเจดีย์ทองคำ นั่นเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า พม่าได้รับการยอมรับจากอเมริกา พี่เบิ้มแห่งโลกเสรีเป็นที่เรียบร้อยโรงเรียนลุงแซม อีกไม่นานนักธุรกิจก็จะแห่แหนไปลงทุนในประเทศนี้กันมากขึ้น และนั่นก็ทำให้ผมกลัวขึ้นมาว่าในวันหนึ่งนั้นประเทศพม่าจะเปลี่ยนแปลงไปจนไม่หลงเหลือความงามแบบเดิมๆ อีกต่อไปเฉกเช่นหลายประเทศในภูมิภาคนี้ที่เมื่อเข้าสู่ยุคทุนนิยมเต็มตัวก็เปลี่ยนไปในทุกๆ ด้าน จนลืมไปเลยว่าเรา...ชาวเอเชีย...กับฝรั่งอั้งหม้อ มันต่างกันอย่างไร...


ก่อนสะพายเป้สู่ดินแดนแห่งเจดีย์ทองคำ




     การเดินทางสู่ประเทศพม่าในครั้งนี้ ผมได้ข้อมูลทั้งหมดมาจากห้อง Blue Planet ในเว็บไซด์พันธ์ทิพย์ ผมไล่อ่านรีวิวเกี่ยวกับประเทศพม่าตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนของปีที่ผ่านมาจนถึงปลายเดือนธันวาคมและพูดคุยสอบถามจากเพื่อนๆ ในห้องนั้นจนได้ข้อมูลที่เพียงพอ จากนั้นก็ไล่หาโปร หางแดง เจ้าพ่อโลว์คอสท์แอร์ไลน์ AirAsia จนได้ราคาที่พอใจจึงตัดสินใจจองทันทีพร้อมกับติดต่อคุณ Khai (ภายหลังทราบว่าเป็นเจ้าของบริษัททัวร์ Around Myanmar Travel & Tours) ซึ่งคุณ Khai นั้นมีเพื่อนๆ ในเว็บไซด์ Pantip.com แนะนำไว้ ระหว่างที่พูดคุยติดต่อกันผ่านทางอีเมล์นั้นแกก็แจ้งว่าไม่สามารถเป็นไกด์พาผมและครอบครัวไปเที่ยวได้เพราะติดธุระต่างจังหวัดแต่จะให้ลูกชายชื่อ William เป็นธุระจัดการแทนและไม่คิดค่าไกด์แต่อย่างใด ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกซาบซึ้งคุณ Khai เป็นอย่างมาก (เมื่อลองตัดค่าไกด์ออกไปก็เป็นเงินที่จำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว)




     หลังจากติดต่อกันผ่านไปได้สักช่วงเวลาหนึ่งผมก็คอนเฟิร์มวันเวลาที่จะเดินทางไปประเทศพม่าพร้อมกับแม่และพี่สาว โดยวานให้คุณ Khai ช่วยเป็นธุระจัดการจองโรงแรมและรถให้ ผ่านไปไม่กี่วันแกก็จัดการให้เรียบร้อยพร้อมแจ้งราคาทั้งหมดมาให้อย่างรวดเร็ว นับเป็นการให้บริการที่ทันอกทันใจจริงๆ (ผมได้ยินเพื่อนๆ ในห้อง Pantip.com บ่นกันว่าเวลาติดต่อโรงแรมหรือบริษัททัวร์ในพม่า กว่าที่ทางโน้นจะตอบอีเมล์กลับมานั้นต้องใช้เวลาไม่น้อย จะด้วยสาเหตุใดก็ตามนับว่าผมโชคดีเป็นอย่างมากที่ได้เจอคุณ Khai)


     หลังจากนั้นผมก็รีบไปทำวีซ่าที่สถานทูตพม่าตรงปากซอยถนนปั้น อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนและสถานีรถไฟฟ้าสุรศักดิ์ ในวันที่ยื่นแบบฟอร์มขอวีซ่านั้นผมต้องไปยืนเบียดเข้าคิวกับผู้คนจำนวนไม่น้อยอยู่ตรงประตูทางเข้าหน้าสถานทูต มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และเมื่อยื่นเสร็จแล้วก็จ่ายค่าธรรมเนียมวีซ่าท่องเที่ยวจำนวน 810 บาทและต้องมารับในวันจันทร์หลังบ่าย 3 โมง

กร็ดความรู้การยื่นขอวีซ่าท่องเที่ยวพม่า


พม่านับเป็นประเทียวเดียวในประชาคมอาเซียนที่คนไทยต้องยื่นขอวีซ่าก่อนเดินทางไปยังดินแดนแห่งเจดีย์ทองคำ แต่เมื่อกลางปีที่ผ่านมา นาย Khin Yi รัฐมนตรีว่าการกระทรวงตรวจคนเข้าเมืองของพม่า เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวที่เมืองเนย์ปิดอว์ว่าตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2555 เป็นต้นไป นักท่องเที่ยวและนักธุรกิจจากประเทศสมาชิกอาเซียนสามารถเดินทางเข้าประเทศพม่าได้โดยไม่ต้องยื่นขอวีซ่าล่วงหน้า โดยที่สามารถเดินทางมาที่สนามบินพม่าและได้วีซ่าประเภท On Arrival  ซึ่งจะอนุญาตให้ผู้เดินทางอยู่ในประเทศพม่าได้ 70 วัน แต่ในวันที่ผมไปยื่นขอวีซ่าที่สถานทูตพม่าก็ได้เจอกับพี่คนหนึ่งแกก็บอกว่าอย่าได้เสี่ยงไปขอวีซ่าประเภท On Arrival ที่พม่าเลย แกเพิ่งโดนปฏิเสธเข้าประเทศพม่าเพราะไอ้เจ้าวีซ่า On Arrival นี่แหละทำให้แกต้องเสียเวลาบินกลับมากรุงเทพฯ เพื่อยื่นขอวีซ่าในวันนี้อีกครั้ง...พม่า...แม้นจะเปิดประเทศแล้วแต่ระบบการจัดการยังคงต้องใช้เวลาพัฒนาอีกสักพัก...

การยื่นขอวีซ่าที่สถานทูตพม่าจะต้องยื่นในช่วงเช้าตั้งแต่เวลา 09:00 น. 12:00 น. หลังจากเวลานี้แล้วทางเจ้าหน้าที่จะปิดประตูทางเข้าสถานทูตทันที ส่วนในช่วงบ่ายนั้นเป็นการเปิดบริการให้กับผู้ที่มารับวีซ่าภายหลังจากยื่นขอไว้เรียบร้อยแล้วเท่านั้น


ค่าธรรมเนียมสำหรับวีซ่าท่องเที่ยวแบบทั่วไป  810 บาท ใช้เวลาดำเนินการ 2-3 วัน
ค่าธรรมเนียมสำหรับวีซ่าท่องเที่ยวแบบเร่งด่วน 1,260 บาท ต้องแนบตั๋วเครื่องบินมาด้วยเท่านั้นถึงจะขอวีซ่าประเภทนี้ได้ ยื่นตอนเช้าตอนบ่าย (หลัง 15:00 น.) สามารถมารับได้เลย
  

No comments: