Saturday, May 18, 2013

เชียงคาน – เลย – ภูเรือ – ลำปาง กับความประทับใจที่ไม่มีวันลืม


เชียงคาน เลย ภูเรือ ลำปาง กับความประทับใจที่ไม่มีวันลืม



     เช้าวันสุดท้ายก่อนเดินทางออกจากเชียงคาน ฉันตื่นแต่เช้าก่อนตีห้าครึ่งเพราะบอกกับน้องที่ประจำเกสท์เฮ้าส์ว่าจะใส่บาตรในตอนเช้า ซึ่งทางเกสท์เฮ้าส์มีบริการจัดชุดใส่บาตรให้ ชุดละ 50 บาท หนึ่งชุดก็ประกอบไปด้วยข้าวเหนียวหนึ่งกระติ๊บและขนมขบเคี้ยวอีกประมาณ 8-9 ชิ้น ฉันรีบตื่นขึ้นมาล้างหน้าแปรงฟัน แล้วเปิดประตูออกไปสูดอากาศยามเช้าที่ใกล้สางตรงระเบียง แลเห็นสายน้ำโขงอยู่ลางๆ ลมพัดโบกมาเบาๆ รู้สึกเย็นสดชื่นไม่น้อย...ฉันสูดอากาศเข้าเต็มปอด นานแค่ไหนแล้วที่ฉันไม่ได้สัมผัสอากาศดีๆ เช่นนี้...

   ฉันรีบเดินมาตรงล็อบบี้ของเกสท์เฮ้าส์ เห็นเด็กหนุ่มคนนั้นกำลังตื่นและลุกขึ้นพับเก็บที่นอน เขาถามฉันว่าทำไมตื่นเช้าจัง ฉันก็ตอบไปว่าอยากตื่นขึ้นมาสูดอากาศยามเช้าและกลัวจะไม่ทันใส่บาตรพระ...จากนั้นฉันก็เดินออกไปหน้าโรงแรม ตรงถนนคนเดิน เห็นนักท่องเที่ยวบางส่วนและเจ้าของร้านและเกสท์เฮ้าส์แถวนั้นกำลังปูเสื่อบนพื้นถนนและมีจัดเตรียมข้าวปลาอาหารสำหรับใส่บาตรพระกันแล้ว ระหว่างที่ยืนถ่ายรูปอยู่นั้นเด็กหนุ่มก็เอาเสื่อออกมาปูให้ฉันพร้อมด้วยชุดใส่บาตรตามที่ฉันแจ้งไว้แต่เมื่อคืน ขณะกำลังจะนั่งลงบนเสื่อก็มีหญิงสาวปั่นจักรยานผ่านมาแล้วยื่นดอกไม้ให้ฉัน บอกว่าชุดละสิบบาทเท่านั้น ฉันไม่ลังเลใจรับมาทันทีพร้อมยื่นเหรียญสิบให้หญิงสาวชาวบ้านคนนั้น พอนางปั่นจากไปก็มีหญิงสูงวัยอีกคนปั่นจักรยานตรงมาที่ฉันแล้วก็หยุดกึกตรงหน้าพร้อมยื่นหมูปิ้งให้ฉันแล้วบอกว่า  10 ถุง 100 บาท ฉันอึ้งไปนิด นี่ลงถ้าฉันซื้ออีกจะมีใครปั่นจักรยานมาขายอะไรให้ฉันอีก แต่ด้วยความสงสารฉันก็รับมา 5 ถุงแล้วบอกไปว่าฉันมีขนมอยู่แล้ว จากนั้นก็หยิบแบ้งค์ 50 ยื่นให้หญิงสูงวัยคนนั้น ก่อนจากกันหญิงคนนั้นก็แนะนำฉันว่าเวลาหยิบ (โจก) ข้าวเหนียวใส่บาตรพระอย่าบีบข้าวเหนียวให้หยิบขึ้นมาพอคำแล้วก็ใส่ลงไปในบาตรเลย ฉันยิ้มรับพร้อมเอ่ยขอบคุณ นี่เป็นอีกเช้าที่ฉันสัมผัสถึงมิตรภาพของผู้คนในชนบท...การใส่บาตรเช้านี้ทำให้ฉันนึกถึงครั้นเดินทางไปหลวงพระบางเมื่อหลายปีก่อน ครั้งนั้นเป็นประสบการณ์แรกที่ฉันได้ใส่บาตรในดินแดนอื่น ผู้คนมากมายยืนเรียงรายสองข้างถนนและมีพระเณรเดินเป็นแถวเป็นแนวตามกันมา ฉันรู้สึกอิ่มเอิบเบิกบานใจอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน...

   หลังจากใส่บาตร ฉันก็ปั่นจักรยานไปที่สวนสุขภาพเพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้น เห็นหลายคนมาวิ่งออกกำลังกาย ส่วนอีกฟากฝั่งหนึ่งของแม่น้ำโขงนั้น ก็มีการเปิดเสียงตามสายแจ้งข่าวคราวความเป็นไปของสังคมในหมู่บ้าน ลมเย็นพัดมาเรื่อยเอื่อย เรือชาวบ้านวิ่งไปตามผืนน้ำเป็นภาพที่ตราตรึงใจยิ่งนัก...เช้าวันนั้นก็มีรถสามล้อสะกายแล็บมารับฉันที่เกสท์เฮ้าส์เพื่อไปส่งที่ท่ารถของบริษัทฯ หนึ่ง ฉันกำลังจะเดินทางต่อไปยังถนนคนเดินกาดกองต้า จังหวัดลำปาง ตามที่หนุ่มติสท์แห่งร้าน Arts & Gallery คนนั้นแนะนำ...ฉันโบกมือลาเด็กหนุ่มประจำเกสท์เฮ้าส์พร้อมสัญญาว่าจะกลับมาเยี่ยมใหม่อีกครั้งในฤดูหนาวปีนี้....

ระหว่างเส้นทางสู่ลำปางหนาวจัง

     ฉันนั่งรถมาลงที่ตัวอำเภอเมืองเลยเพื่อจะต่อรถไปยังลำปาง แต่เมื่อมาถึงที่บขส. เลย ฉันก็ต้องหัวเสียเพราะไม่มีรถไปเชียงใหม่ในเช้าวันนี้ (ทางเกสท์เฮ้าส์บอกฉันว่ามีรถวิ่งไปเชียงใหม่ตอนสิบโมงเช้าซึ่งรถเที่ยวดังกล่าวจะแวะจอดที่ลำปางด้วย) เมื่อการเดินทางไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ฉันจำใจนั่งรถไปลงที่พิษณุโลกแล้วต่อรถขึ้นไปที่ลำปางแทนและเช้าวันนั้นฉันก็ต้องยืนอยู่บนรถจนถึงภูเรือเพราะเป็นรถป. 2 ที่มีผู้โดยสารหนาแน่น หนทางจากเลยสู่ภูเรือนั้นเป็นถนนคดเคี้ยว ขึ้นเขาลงเขา ไม่แพ้ถนนสายเชียงใหม่ ปาย แม่ฮ่องสอนเลยทีเดียว...ฉันพบว่าวิวทิวทัศน์ระหว่างสองข้างทางนั้นสวยงามยิ่งนัก โดยเฉพาะที่ภูเรือจะมีสวนแปลงดอกไม้มากมาย สีสันของพันธุ์ไม้ช่างตราตรึงใจยิ่งนัก และเมื่อผ่านอำเภอด่านซ้ายก็มีการประดับประดาหน้ากากผีตาโขนตามบ้านเรือนและสำนักงานต่างๆ เพื่อต้อนรับเทศกาลผีตาโขนที่จะจัดขึ้นในเดือนกรกฏาคมนี้ ซึ่งถ้าฉันมีเวลาพอในช่วงนั้นก็จะไม่พลาดที่จะมาสัมผัสงานประเพณีนี้อย่างแน่นอน

   รถวิ่งมาถึงจังหวัดพิษณุโลกเมื่อเวลาบ่ายสองกว่า รถจอดเทียบท่าที่บขส.ใหม่ซึ่งสวยงามอลังการไม่น้อยเลยทีเดียว ฉันนั่งรถปอสองต่อไปลำปางและมาถึงเมืองรถม้าเมื่อเวลาเกือบสองทุ่ม จากนั้นก็นั่งรถสองแถวมาที่เกสท์เฮ้าส์แห่งหนึ่งย่านถนนคนเดิน กาดกองต้า...เมื่อถึงที่พักก็รีบอาบน้ำแล้วเข้านอนด้วยความอ่อนล้า...

กาดกองต้า ถนนคนเดินสุดคลาสิคแห่งเขลางค์นคร


เย็นวันนี้ฉันเดินสำรวจถนนคนเดินที่ลำปางซึ่งรู้จักกันดีว่า กาดกองต้า เสน่ห์ของถนนคนเดินที่นี่คือบ้านไม้สองชั้นในอดีตที่ยังหลงเหลือสร้างความประทับใจให้กับผู้มาเยือนอยู่บ้าง แต่ที่ฉันประทับใจไม่น้อยไปกว่าความงดงามของเมืองลำปางคือหญิงสาวชาวเหนือที่ต้องยอมรับจากก้นบึ้งหัวใจเลยว่า น่ารักไม่แพ้หญิงสาวที่ไหนในโลกนี้เลยทีเดียว...


คืนนี้นั่งฟังเพลงทอดอารมณ์อยู่ตรง Lobby ติดริมน้ำของเกสท์เฮ้าส์ พรุ่งนี้เช้า ฉันก็ต้องออกเดินทางสู่เมืองสามหมอกอีกครั้ง...

แดนดิน
บันทึก ณ รีเวอร์ไซด์เกสท์เฮ้าส์ ย่านกาดกองต้า ลำปาง

No comments: