ผมเดินออกจากความจำเจของห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ
ที่ล้อมรอบด้วยมนุษย์ที่แต่งตัวโก้เก๋สวยงามมีหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเพื่อนคุยตลอดวัน
ต่างคนต่างคร่ำเคร่งกับการพูดคุยติดต่อธุระและเอกสารเป็นกองบนโต๊ะทำงาน
มนุษย์ที่เกลียดวันจันทร์แต่เริงร่ากับวันศุกร์และวันหยุดสุดสัปดาห์
ในเช้าวันทำงานต่างเบียดเสียดขึ้นรถไฟฟ้า รถเมล์ มีสมาร์ทโฟนไว้แช็ตคุยหรืออัพเดทสเตตัสของตัวเอง
ความจำเจซ้ำซากบนซากปรักแห่งมหานคร ความเบื่อหน่ายแห่งภาระ ผมอิจฉาหนุ่มสาวหลายคนที่ออกเดินทางค้นหาบางสิ่งบางอย่างในโลกกว้างใบนี้ที่ไม่มีแค่ห้องสี่เหลี่ยมเท่านั้น....
ใครคนหนึ่งบอกผมไว้เสมอว่า คนเราถ้ารักจะทำอะไรแล้วก็รีบทำเสียตั้งแต่เป็นหนุ่มเป็นสาว
ไม่อย่างนั้นเราจะเสียดายกับวันเวลาที่หมุนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
วันนั้นเป็นฤดูหนาวที่หนาวบาดลึกพร้อมกับความวุ่นวายทางการเมืองในเมืองหลวง ผมรักเมืองไทยแต่ผมเกลียดกรุงเทพฯ
ผมหยิบหนังสือโลกในเม็ดทราย โดย โดม วุฒิชัย
ขึ้นมาอ่านในร้านกาแฟเล่มโปรดย่านพระโขนงและนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของการออกเดินทางสู่การค้นหา...โลกในเม็ดทรายบอกกับผมว่าเราทำงานหาความสุขไม่ได้ทำงานหาเงิน
ความสุขไม่ได้อยู่ที่ลอนดอน ปารีส นิวยอร์ค กรุงเทพฯ หรือธรรมศาลา แต่ความสุขอยู่ทุกหนทุกแห่งที่เราค้นพบแรงบันดาลใจ
ผมไม่แปลกใจที่เห็นฝรั่งคนหนึ่งมาอยู่ที่แม่ฮ่องสอนเกือบปี
ผมไม่แปลกใจที่เห็นนักเขียนชาวญี่ปุ่นมานั่งหาแรงบันดาลใจริมสวนสาธารณะหนองจองคำในตรู่เช้าที่หมอกลอยระเรี่ยวผิวน้ำ
และผมไม่แปลกใจที่เห็นฝรั่งหนุ่มสาวคู่หนึ่งมาพักในเกสท์เฮ้าส์ของผมที่ยังไม่มีไฟฟ้า
ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ มีแต่แสงเทียนเท่านั้น
ผมว่า...ความสุขนั้นอยู่ทุกหนทุกแห่งถ้าวันไหนผมต้องการแรงบันดาลใจผมจะสะพายเป้ใบเขื่องแล้วท่องเที่ยวไปตามใจปรารถนา
แดนดิน
29 ตุลาคม 2555